มุมของกาแฟ
กาแฟเป็นพืชพื้นเมืองของอาบีซีเนีย และอาราเบีย ซึ่งได้ค้นพบเมื่อศตวรรษที่ 5 ที่ประเทศอาราเบียสมัยนั้น ไม่มีผู้ใดให้ความสนใจนัก จนกระทั่งล่วงเลยมาถึงศตวรรษที่ 9 มีคนเลี้ยงแพะชาวอาราเบียคนหนึ่งชื่อ คาลดี (Kaldi) นำแพะออกไปเลี้ยง และแพะได้กินผลไม้และใบกาแฟเข้าแล้วเกิดความคึกคะนองผิดปกติไป จึงได้นำเรื่องไปเล่าให้พระมอสเล็มองค์หนึ่งฟัง พระมอสเล็มองค์นั้นจึงได้เก็บผลกาแฟมากะเทาะเปลือกเอาเมล็ดกาแฟไปคั่วแล้ว ต้มในน้ำร้อนดื่ม เห็นว่ามีความกระปรี้กระเปร่า จึงได้เล่าให้ผู้อื่นฟังต่อไป ชาวอาราเบียจึงได้เริ่มรู้จักต้นกาแฟมากขึ้น จึงทำให้กาแฟแพร่หลายเพิ่มขึ้น จากประเทศอาราเบีย เข้าสู่ชนชาวอิตาเลีย ดัทช์ เยอรมัน ฝรั่งเศส และขบวนการผลิตกาแฟก็ได้พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ในระยะต่อมา
สำหรับประเทศไทย ตามบันทึกของพระสารศาสตร์พลขันธ์ (นายเจรินี ชาวอิตาลี) เมื่อปี พ.ศ. 2393 ส่วนพันธ์โรบัสต้านั้นมีชาวไทยอิสลามผู้หนึ่ง ชื่อนายตีหมุน เป็นผู้นำมาปลูกคนแรกที่อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา เมื่อ พ.ศ. 2447 แล้วแพร่ขยายไปตามจังหวัดต่างๆ ของประเทศไทยในปัจจุบัน
ปัจจุบันกาแฟนับเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญยิ่งอย่างหนึ่งของโลก กาแฟถูกจัดอยู่ในจำพวกพืชเศรษฐกิจที่เป็นโภคภัณฑ์ (Commodity) ซึ่งมีอยู่ 5 ชนิด คือ กาแฟ ยาสูบ ยางพารา ชา และโกโก้ แต่ละปีมีการผลิตเมล็ดกาแฟออกสู่ตลาดมากกว่า 5 ล้านตัน ประเทศบราซิลในทวีปอเมริกาใต้เป็นผู้ผลิตกาแฟได้มากที่สุด บางปีผลิตได้มากกว่าร้อยละ 70 ของผลผลิตทั้งหมด
ในประเทศไทยมีหลักฐานบันทึกไว้ว่า มีการปลูกกาแฟมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์มีการปลูกกาแฟกันมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงรัชกาลที่ 3 และรัชกาลที่ 4 มีการปลูกกาแฟในบริเวณกรุงเทพฯ เลยทีเดียว สำหรับร้านขายกาแฟร้านแรกในประเทศไทยเริ่มมีขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2460 ช่วงรัชกาลที่ 6 บริเวณสี่กั๊กพระยาศรี หลังจากนั้นก็มีผู้นิยมตั้งร้านกาแฟมากขึ้นเป็นลำดับ
การดื่มกาแฟ
ผลของการวิจัยหลายชิ้นที่พบข้อดีข้อเสียของการดื่มกาแฟ เช่น กาแฟมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ เบาหวาน พาร์กินสัน ในขณะเดียวกันก็พบว่าการดื่มกาแฟสองแก้วหรือมากกว่านั้น อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้สารก่อให้เกิดการอักเสบเพิ่มมากขึ้น ซึ่งนำไปสู่การเป็นโรคหัวใจในเวลาต่อมา
โดยนักวิจัยเป็นผู้วิเคราะห์ผล พบว่า ผู้ที่ดื่มกาแฟวันละไม่ต่ำกว่า 200 ซีซี (มากกว่าหนึ่งถ้วยนิดหน่อยซึ่งอยู่ในกลุ่มที่ถือว่าดื่มปานกลาง โดยหนึ่งถ้วยกาแฟมีคาเฟอีน 28 มิลลิกรัม ผู้ดื่มอาจดื่มกาแฟสำเร็จรูปบ้าง กาแฟคั่วบ้าง จะเป็นคาปูชิโนหรือเอสเปรสโซ่ หรือชนิดใดก็ตามซึ่งมีคาเฟอีนปริมาณต่างกัน ผู้วิจัยจะนำมาคำนวณความต่างตรงนี้ด้วย) พบมีร่องรอยการอักเสบมากกว่าผู้ที่ไม่ดื่มกาแฟ
สตรีที่มีปัญหาตั้งครรภ์ยากนั้น เป็นไปได้ว่า โอกาสในการตั้งครรภ์อาจลดลงหากพวกเธอดื่มดาแฟวันละหลายถ้วย หรือสม่ำเสมอทั้งวัน (แม้ว่าคาเฟอีนจะเป็นตัวทำลายความสมบูรณ์ได้ไม่มากเท่ากับแอลกอฮอลก็ตาม)
บทบาทของกาแฟในสังคมมนุษย์
ปัจจุบันกาแฟเป็นเครื่องดื่มที่มนุษย์นิยมดื่มกันมาก เนื่องจากมีคุณสมบัติหลายประการ คุณสมบัติประการแรก ได้แก่ กลิ่นและรสชาติของกาแฟที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่กลิ่นและรสชาติของกาแฟแม้จะถูกใจมนุษย์เพียงใดก็คงไม่ทำให้มีผู้ดื่มได้ มากเท่าที่เป็นอยู่ หากไม่มีปัจจัยอื่นๆ สนับสนุน คุณสมบัติประการที่สอง คือ กาแฟมีสารประกอบอินทรีย์ประเภทแอลคาลอยด์ ที่เรียกว่า กาเฟอีน (Caffeine) ซึ่งมีผลต่อระบบประสาทและระบบกล้ามเนื้อของมนุษย์ ทำให้ผู้ดื่มกาแฟตื่นตัว ไม่ง่วงซึม ทำให้นิยมดื่มกันมาก
นอกจากนี้กาเฟอีนยังมีคุณสมบัติคล้ายยาเสพติดอย่างอ่อน ผู้ที่ดื่มกาแฟจึงมักต้องการดื่มเป็นประจำอย่างที่ชาวบ้านเรียกว่า ?ติดกาแฟ? ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มีผู้ดื่มกาแฟกันมาก ปรากฏการณ์อย่างหนึ่งที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากการดื่มกาแฟ และน่าสนใจเป็นพิเศษ คือ เมื่อเกิดสถานที่ขายกาแฟ หรือร้านกาแฟที่ชงกาแฟบริการลูกค้าให้นั่งดื่มที่ร้านได้ ก็เกิดความนิยมอย่างรวดเร็วในทวีปยุโรป ร้านกาแฟแห่งแรกตั้งขึ้นที่เมืองเวนิซ ประเทศอิตาลี เมื่อปี พ.ศ. 2167 ในอังกฤษ ตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2195
ต่อมาอีก 23 ปี คือ ปี พ.ศ. 2218 ก็เกิดร้านกาแฟอีกมากมาย เฉพาะในกรุงลอนดอนก็มีกว่า 3,000 ร้านแล้ว ความน่าสนใจมิใช่จำนวนร้านกาแฟที่เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย แต่เป็นพฤติกรรมของผู้ดื่มกาแฟที่ชอบจับกลุ่มพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิด เห็น ถกเถียง วิพากษ์วิจารณ์เรื่องราวต่างๆ กันอย่างกว้างขวางและเป็นประจำ โดยเฉพาะเรื่องการบ้านการเมือง อย่างที่เรียกในสำนวนไทยว่าเป็น ?สภากาแฟ? นั่นเอง
คุณสมบัติกาแฟในฐานะสมุนไพร
สรรพคุณด้านยาสมุนไพรของกาแฟ ส่วนใหญ่เป็นผลจากสารกาเฟอีนซึ่งมีอยู่ในเมล็ดกาแฟประมาณร้อยละ 0.8-1.7 ตำรับยาสมุนไพรของไทยไม่มีการใช้กาแฟรักษาโรคโดยตรงดังเช่นพืชสมุนไพรตัว อื่นๆ แต่ก็มีรวบรวมเอาไว้ในประมวลสรรพคุณยาไทยว่าด้วยพฤกษชาติ วัตถุธาตุ และสัตว์วัตถุนานาชนิดของสมาคมโรงเรียนแพทย์แผนโบราณ สำนักวัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์) ระบุสรรพคุณของกาแฟว่าทำให้ตาแข็ง บำรุงหัวใจ แก้ปวดศีรษะเนื่องจากเส้นประสาท แก้อาการหอบหืด
ปัจจุบันชาวไทยส่วนใหญ่รู้จักแต่กาแฟผงสำเร็จรูปซึ่งสามารถชงกับน้ำร้อน ได้ทันที แต่ในอดีตย้อนกลับไปสัก 30 ปี คนไทยส่วนใหญ่รู้จักแต่เมล็ดกาแฟคั่วเป็นผงหยาบๆ การชงกาแฟใช้ถุงผ้าทรงกรวยปลายแหลม เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 5 นิ้ว ยาวประมาณ 10 นิ้ว เป็นอุปกรณ์สำคัญ คือ ใช้กรองผงกาแฟออกจากกาแฟที่ชงน้ำร้อนแล้ว
กาแฟได้เข้ามามีบทบาทในสังคมไทยจนสามารถกลายเป็นสำนวนในภาษาไทย ยิ่งปัจจุบันกาแฟได้เข้ามามีบทบาทมากขึ้น เช่น คำว่า ?คอฟฟี่เบรก? อันหมายถึง ช่วงพักระหว่างทำงานหรือการประชุมเพื่อดื่มกาแฟ (หรือทำกิจกรรมอื่นๆ) นั้นกลายเป็นถ้อยคำสำนวนที่รับรู้กันมากขึ้นในหมู่คนไทย
ไม่ว่าจะมองในด้านใดก็ตาม กาแฟคงจะอยู่คู่กับมนุษย์และสังคมไทยไปอีกนาน ในขณะที่มีคนดื่มกาแฟมากขึ้น จะมีสักกี่คนที่ใส่ใจกับแหล่งที่มาของกาแฟที่กำลังดื่มอยู่ ว่าเกษตรกรผู้ปลูกต้นกาแฟกำลังลำบากยากจนและทุกข์ยากอย่างไร บริษัทยักษ์ใหญ่กำลังมีบทบาทในการกำหนดวิถีชีวิตทั้งของเกษตรกรและผู้บริโภค อย่างไร และกาแฟสำเร็จรูปที่กำลังดื่มอยู่นั้นมีรสชาติต่างจากกาแฟแท้อย่างไร ฯลฯ
ข้อดีของการดื่มกาแฟ
- ลดอาการปวดศีรษะข้างเดียว หรือปวดไมเกรน
- ช่วยขจัดอาการเซื่องซึมและอ่อนล้าได้
- เพิ่มพลังงานให้กับร่างกาย
- ยับยั้งการแพร่กระจายของมะเร็ง
- เพียงถ้วยเดียวก็สามารถเพิ่มน้ำตาลในเลือดได้
- หลายถ้วยต่อวัน สามารถลดความสมบูรณ์แข็งแรงของร่างกายได้ โดยเฉพาะสตรี
- แคลเซี่ยมในร่างกายถูกชะล้างด้วยคาเฟอืน เป็นสาเหตุของโรคกระดูกพรุนได้
- คาเฟอีนจะแทรกแซงการหลับด้วยคลื่นรบกวนช้าๆ แต่ว่าลึกๆ ซึ่งทำให้ร่างกายไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที
- คาเฟอีนทำให้อาการวิตกกังวล หรือตื่นตกใจแย่ลง
อย่างไรก็ตามการดื่มกาแฟนั้นก็มีทั้งประโยชน์และโทษหากดื่มมากเกินไป อาจเป็นสาเหตุเกิดโรคหัวใจได้ ลองถามตัวเองซิคะว่าเราดื่มกาแฟมากไปหรือไม่ต่อหนึ่งวัน
**********************************************************************
มุมของเห็นหลินจือ
ท่ามกลางความวุ่นวายสับสนในโลกที่ทุกคนต้องวิ่งให้เร็วกว่าเข็มนาฬิกา ความเครียดจากการงาน ปัญหาครอบครัว สภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยมลพิษ สารพันปัญหา คอยบั่นทอนสุขภาพร่างกายให้ถดถอยลงไปเรื่อยๆ ตามกาลเวลา โดยที่เราเองก็ไม่เคยหันมาใส่ใจสุขภาพ ดูแลอาหารการกิน ออกกำลังกาย หรือผ่อนคลายความตึงเครียด
ด้วยเหตุดังกล่าวจึงส่งผลให้โรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคอ้วน โรคความดัน โรคหัวใจ โรคมะเร็ง และสารพัดโรคร้ายที่เกิดจากการใช้ชีวิตที่ขาดความสมดุลเดินทางมาเยี่ยมเยือน แน่นอนว่าทางออกที่ดีที่สุดคือ การหันมาใส่ใจสุขภาพ ทั้งการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และหมั่นออกกำลังกายนั่นเอง
กระนั้นก็ดี นอกจากวิธีข้างต้นแล้วการจะช่วยฟื้นฟูร่างกายที่เสื่อมโทรมมานานให้กลับมามีสุขภาพดีได้นั้นยังมีทางเลือกอื่นอีก
“เห็ดหลินจือ” ถือเป็นตัวช่วยอีกทางเลือกหนึ่ง ที่ทำให้เราได้สุขภาพที่ดีดังใจ
ทั้งนี้ เมื่อกล่าวถึง “เห็ดหลินจือ” เชื่อว่าทุกคนคงรู้จักกันบ้างอยู่แล้ว โดยในสมัยโบราณมีการนำเห็ดหลินจือมาใช้ประโยชน์นานกว่า 2,000 ปี เนื่องจากถือว่าเป็นสมุนไพรชั้นสูงที่หายากต้องบุกป่าฝ่าดงเข้าไปเสาะแสวงหา ให้ได้มาซึ่งสรรพคุณทางยาที่สุดวิเศษ ในทางพฤกษศาสตร์พบว่า เห็ดหลินจือ แบ่งประเภทตามลักษณะของสีและรูปร่างได้ 6 ชนิดด้วยกัน คือ หลินจือแดง ดำ เหลือง ขาว เขียว และม่วง
ทว่า จากการศึกษาวิจัยพบเห็ดหลินจือแดงมีสารที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกายมาก ที่สุด โดยถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มที่มีคุณสมบัติเทียบเท่ากับ “โสม” ที่เป็นยาอายุวัฒนะ ยืดอายุให้ยืนยาว
สำหรับคุณสมบัติอันโดดเด่นของหลินจือแดงก็คือ ช่วยสร้างภูมิต้านทานโรค กำจัดสารพิษในร่างกาย กระตุ้นเซลล์ในร่างกายให้ทำงานเป็นปกติ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความชรา บำรุงร่างกายเมื่ออ่อนเพลียหรือขณะพักฟื้นให้ร่างกายแข็งแรง อีกทั้งช่วยควบคุมระบบไหลเวียนโลหิตให้ไหลเวียนสะดวกมากขึ้น
หลายคนตั้งข้อสงสัยว่า สรรพคุณในการป้องกันและบำบัดโรคภัยต่างๆ ที่กล่าวมามากมายเป็นภูเขาเลากานี้เป็นการอวดอ้างสรรพคุณเกินจริงหรือไม่
คำตอบก็คือ “ไม่”
ความมหัศจรรย์ของเห็ดหลินจือแดงนั้นได้รับการยอมรับในวงการแพทย์แผนปัจจุบัน และการแพทย์ทางเลือก โดยมีหลักฐานรายงานการวิจัยจากนักวิทยาศาสตร์ยืนยันว่า ในเห็ดหลินจือแดงมีสารต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายกว่า 250 ชนิด ซึ่งสารต่างๆ เหล่านี้ ทำงานประสานกันได้อย่างน่าอัศจรรย์ ส่งผลให้ร่างกายเกิดความสมดุลเพิ่มพลังในการป้องกันและบำบัดโรค คืนพลังการฟื้นฟูร่างกายที่ธรรมชาติเคยมอบให้กับมนุษย์
หากจะอธิบายให้เข้าใจยิ่งขึ้น ก็ต้องบอกว่า เห็ดหลินจือแดง สามารถฟื้นฟูอาการป่วยได้หลายโรค ซึ่งในเชิงเภสัชวิทยา เห็ดหลินจือแดงออกฤทธิ์ต่อ 5 ระบบ คือ
1.ระบบภูมิต้านทาน มีการศึกษาพบว่าในเห็ดหลินจือแดงมีสารโพลีแซคคาไรด์ ที่ช่วยยืดเวลาเสื่อมของเซลล์ นอกจากนี้มีผลในการเพิ่มประสิทธิภาพเม็ดเลือดขาวในการจัดการกับไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา และเซลล์ก่อมะเร็ง ดังนั้นจึงช่วยให้ร่างกายสามารถจัดการกับอาการผิดปกติต่อระบบภูมิคุ้มกัน มีผลดีต่อผู้เป็นภูมิแพ้ เบาหวานที่แผลหายยาก เป็นหวัดเจ็บคอบ่อย ช่วยลดอัตราการเกิดมะเร็ง
2.ระบบหลอดเลือด เห็ดหลินจือแดง มีผลต่อช่วยขยายหลอดเลือด ลดการทำลายของสารอนุมูลอิสระที่ทำให้ผนังหลอดเลือดแข็งตัว มีผลช่วยลดการเกาะตัวของไขมัน คอเลสเตอรอล หรือเกล็ดเลือดในหลอดเลือด ส่งผลให้ช่วยชะลอความแก่ไม่เพียงแต่ผิวพรรณเต่งตึงเท่านั้น แต่ชะลอการเสื่อมสภาพของอวัยวะภายใน เช่น สมอง หัวใจ ตับ ไต เป็นต้น โดยเฉพาะสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจได้อย่างมีประสิทธิภาพเพราะ ช่วยลดปัจจัยเสี่ยงหลายอย่างจากสารสำคัญที่มีอยู่ในเห็ดหลินจือแดง เช่น Sterols, Ganoderic Acid ที่มีอยู่เฉพาะในเห็ดหลินจือแดงเท่านั้น
3.ระบบประสาท เห็ดหลินจือแดงจัดเป็นสารปรับสมดุล ซึ่งหมายถึงสารที่ช่วยให้ร่างกายฟื้นคืนสภาพปกติจากสิ่งต่างๆ โดยสามารถลดความตึงเครียดในสมอง ช่วยให้ระบบหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมองทำงานดีขึ้น ทั้งยังเพิ่มปริมาณออกซิเจนที่ไปเลี้ยงสมองสูงถึง 1.5 เท่า
4.ระบบต่อมไร้ท่อ ไม่ว่าจะเป็นต่อมไทรอยด์ ต่อมไทมัส ต่อมหมวกไต ต่อมลูกหมาก และที่มองข้ามไม่ได้ คือ ตับอ่อนที่หลั่งฮอร์โมนอินซูลิน พบว่าเห็ดหลินจือแดงมีสารสำคัญที่ช่วยให้การทำงานของต่อมไร้ท่อต่างๆ เกิดความสมดุล เช่น ผู้เป็นเบาหวานเมื่อรับประทานเห็ดหลินจือแดงจะมีสภาวะของร่างกายดีขึ้น ลดอัตราความรุนแรงของสภาวะขึ้นๆ ลงๆ ของน้ำตาล เป็นต้น ที่สำคัญเห็ดหลินจือแดงมีสารที่ช่วยให้ต่อมใต้สมองหลั่งโกรท ฮอร์โมน (Growth Hormone) ในขณะที่หลับ ช่วยเร่งการเจริญเติบโตในเด็กและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในผู้ใหญ่ หรือฟื้นความเป็นหนุ่มเป็นสาวให้แก่เราได้
และสุดท้าย
5.ระบบเผาผลาญอาหาร หากร่างกายขาดความสมดุลนำไปสู่ความผิดปกติในหลายระบบของร่างกาย โดยเฉพาะเมื่อเราอายุมากขึ้น อาจเกิดความผิดปกติในการเผาผลาญอาหารเห็ดหลินจือแดงยังมีสารที่จะเข้าไปช่วย ให้ระบบเผาผลาญดีขึ้น ซึ่งส่งผลต่อทุกระบบในร่างกาย
อย่างไรก็ตามกระบวนการล้างพิษของเห็ดหลินจือแดง อาจทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ วิงเวียน คลื่นไส้ รู้สึกวูบวาบไปทั้งตัว มีไข้ ปวดตามข้อ ท้องเสีย น้ำมูกไหล ไอ เป็นต้น ซึ่งอาการเหล่านี้มักเกิดตั้งแต่เริ่มรับประทานเห็ดหลินจือแดงนาน 3-4 วันและอาการเหล่านี้จะหายไปเองภายใน 2 สัปดาห์ หลังจากที่รับประทานติดต่อกัน โดยดื่มน้ำบ่อยๆ เพื่อช่วยให้กระบวนการล้างพิษ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญสามารถรับประทานร่วมกับยาแผนปัจจุบันโดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆ โดยสามารถรับประทานเห็ดหลินจือแดงหลังจากทานยาแผนปัจจุบันไปแล้วประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งจะเป็นผลดีต่อร่างกายในการบำบัดโรคตามแนวทางทฤษฎี “การแพทย์ผสมผสาน”
เมื่อมาถึงตรงนี้ หลายคนคงสงสัยอีกว่า เห็ดหลินจือแดงเหมาะกับใครบ้าง บอกได้เลยว่า เห็ดหลินจือแดงเหมาะกับผู้ที่ต้องการบำรุงรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ และสามารถรับประทานได้เป็นประจำโดยไม่มีผลเสียต่อร่างกาย และเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดควรทานเห็ดหลินจือแดงพร้อมกับวิตามินซีและดื่ม น้ำตามมากๆ ทั้งนี้วิตามินซีจะช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมสาร ในเห็ดได้ดีขึ้น
สำหรับผู้ที่สนใจรับประทาน ปัจจุบันมีเห็ดหลินจือแดงแบบบรรจุแคปซูลซึ่งรับประทานได้ง่ายขึ้น แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการเลือกรับประทานเห็ดหลินจือแดงที่เป็นสารสกัดได้รับ การรับรองมาตรฐานความปลอดภัย จึงจะได้ประโยชน์อย่างเต็มที่
***********************************************************************
ถ้ากาแฟ รวมกับ เห็ดหลินจือ จะเป็นอย่างไร
กาแฟคัดพิเศษสายพันธุ์อาราบีก้า จากแอฟริกาใต้ เป็นสายพันธุ์กาแฟ ที่ได้ชื่อว่า หอมที่สุดในโลก ถูกบรรจุในซองผลิตภัณฑ์สุดหรู ที่เป็นซองพิเศษ รักษากลิ่น และรสชาต ได้เป็นอย่างดี
กาแฟออกาโน่ โกลด์ (organo gold) กาแฟเบอร์ 1 ของโลก ได้รับความนิยมถึง 28 ประเทศทั่วโลก และประเทศไทย เป็นประเทศที่ 29 ที่จะได้ลิ้มรสชาต อันหอมละมุน นุ่มลิ้น
เห็นหลินจือ ได้ขึ้นชื่อว่า สุดยอดสมุนไพร มีสรรพคุณทางยารักษาโรค กลิ่นหอมของเห็ด ดึงดูดให้คุณหลงไหลไปกับรสชาต ที่เข้ากันได้ดีของกาแฟอาราบีก้าอันหอมกรุ่น
ดื่มวันละ 1 แก้ว จะช่วยให้เลือดลมไหลเวียนได้ดี
สุขภาพดีขึ้น
ช่วยลดไขมันส่วนเกิน และช่วยให้การเผาผลาญดีขึ้น
สัดส่วนกระชับ ด้วย Collagen ธรรมชาติ จากเมล็ดกาแฟสด ที่ผ่านกรรมวิธี อบ และบด อย่างดี ไม่เสียคุณค่าและวิตาิมิน
กาแฟ ออกาโน่ โกลด์ (organo gold) มีหลายสูตรให้เลือกรับประทาน ตามความชอบ ของ คอกาแฟ
กาแฟดำ Black Coffee กาแฟออกาโน่ โกลด์ (organo gold) สูตรเข้มข้ม กลิ่นหอมแบบเข้มๆ ปนกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเห็ดหลินจือ ทำให้เช้าวันใหม่ของคุณ สดชื่น กระปรี้กระเปร่าได้ตลอดวัน
กาแฟลาเต้ Cafe Latte กาแฟออกาโน่ โกลด์ (organo gold) สำหรับคนชอบรสชาตหวานๆ นุ่มลิ้น หอมอบอวนไปด้วยกลิ่นนม ละมุนละไม กับรสชาตดีๆ อันหอมหวาน ที่ทำให้คุณตื่นขึ้นจากผวัง ต้อนรับเช้า อันสดใส ได้ทันที
Cafe Mocha กาแฟออกาโน่ โกลด์ (organo gold) สำหรับคนที่ชื่นชอบ ความหอมของกาแฟ กับ รสช๊อคโกแล๊ตนุ่มๆ ไม่หวานไป ไม่ขมไป รสชาตพอดีๆ ที่หลายๆ คนติดใจ ต้องขอลิ้มลอง เป็นหนที่สอง
Queen Coffee กาแฟออกาโน่ โกลด์ (organo gold) กาแฟสูตรพิเศษ สำหรับผู้หญิง เป็นกาแฟนมหอมๆ ผสมสมุนไพรสูตรสำคัญ สำหรับเพศหญิงโดยเฉพาะ ทำให้คุณสดชื่น สดใส ทั้งภายในสู่ภายนอก ไม่ว่าจะเป็นผิวพรรณที่เปร่งปรั่ง ระเรื่อ ขาวอมชมพู สัดส่วนที่กระชับขึ้น ริ้วรอยต่างๆ ดูลดลง ทำให้คุณกลับมาสาวสะพรั่งอีกครั้ง ต้องลองแล้วคุณจะกลายเป็นราชินีแห่งฤดูใบไม้ผลิ Organo Queen Coffee เท่านั้น
King Coffee กาแฟออกาโน่ โกลด์ (organo gold) กาแฟสูตรพิเศษ สำหรับผู้ชาย
กาแฟดำเข้มข้น รสกลมกล่อม มาพร้อมกับสมุนไพรสูตรพิเศษ ที่จะทำให้คุณผู้ชาย กลับมาเฟิร์มแอนด์ฟิต อีกครั้ง ความหนุ่มหล่อ กำลังจะกลับมาเยือน
Premium Pack Coffee
กาแฟในแพคเกจสีน้ำเงินเข้ม สุดหรู มอบให้ใครก็ได้ในวาระอันพิเศษสุดๆ รสชาตกาแฟ กลมกล่อม
ติดใจ และประทับใจผู้ที่ได้รับ ถือว่าเป็นของขวัญอันล้ำค่า ที่ไม่มีใครเทียบได้
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0908599929 คุณพีช ณัฏฐ์กชพร
มีวางจำหน่ายที่ไหนบ้างคะ
ตอบลบให้นมลูก ทานได้ไหม มีชิคาโกแลตกับชาเขียว
ตอบลบ